Saturday, September 15, 2012

ใครบอกว่า e-mail marketing ล้าสมัย


ถ้าหากนึกถึง e-mail marketing คนจะนึกถึงการทำการตลาดแบบ Customer Relationship Management (CRM) การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งจะมีการส่งอีเมลไปให้ลูกค้าเพื่อรักษาความสัมพันธ์หรือประชาสัมพันธ์ข้อมูลโปรโมรชั่นใหม่ๆให้แก่ลูกค้า บางคนก็อาจจะมองว่า e-mail marketing ล้าสมัยไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะมีแต่จดหมายขยะ(spam) คนแทบจะไม่เปิดอ่านและหันไปสนใจที่จะทำการตลาดบนแพล็ตฟอร์มอื่นอย่าง social media  หรือ search engine แต่ที่จริงแล้ว e-mail marketing ยังสามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกวันนี้อยู่ เนื่องจากสามารถกำหนดเวลาให้ส่งอีเมลอัตโนมัติสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า social media เช่น ถ้าหากเราอยากจะส่งข้อความอวยพรในวันสำคัญของลูกค้าเราสามารถส่งอีเมลโดยใช้บริการเมลอัตโนมัติให้ส่งไปตามวันที่เราต้องการได้ แต่ถ้าเป็น social media อย่าง facebook หรือ twitter เรายังไม่สามารถกำหนดเวลาในการส่งได้

บริการส่งอีเมลอัตโนมัติ (email autoresponder) เป็นบริการที่ไว้โต้ตอบอีเมลกับลูกค้าโดยอัตโนมัติ อย่างเช่นเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้า จะมีการส่งอีเมลไปให้ลูกค้าทันทีที่ได้รับการชำระเงิน โดยที่ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าผู้ขายจะได้รับเงินหรือยัง ถ้าหากเราจะมาตอบเองตลอดอาจจะช้าไม่ทันกา จึงรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเอาไว้ได้ โดยที่บริการส่งอีเมลอัตโนมัติพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถกำหนดเวลาส่งเมลให้แก่ลูกค้าได้ เช่น ถ้าหากอยากทำการตลาดกับคนที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งที่เวลาต่างกัน ก็กำหนดเวลาเป็นรายคนได้  เช่น ให้ส่งอีเมลไปทักทายในตอนเช้าๆของแต่ละวันพร้อมนำเสนอสินค้าให้แก่ Propect เหล่านั้น (Prospect คือ คนที่อยู่ในรายชื่ออีเมลของเรา โดยที่มีความสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาในเว็บไซต์ของเรา หรือสินค้าของเรา คือเรียกว่า มีโอกาส ที่จะบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการ นั่นก็คือการซื้อสินค้า) แน่นอนว่าสิ่งที่ไม่ปรารถนาสำหรับคนอ่านเมลก็คือจดหมายขยะ และผู้บริการอีเมลอย่าง Gmail Hotmail ก็ชอบจับเมลขยะไปไว้ใน junk mail box ทำให้อีเมลไม่ถึงผู้อ่าน ดังนั้นหากจะหลุดออกจาก junk mail ได้จะต้องให้ผู้อ่านอีเมลต้องยืนยันการรับข้อมูลของเราก่อน และควรจะใช้บริการกับผู้ให้บริการส่งอีเมลอัตโนมัติที่น่าเชื่อถือและการันตีว่าเมลของเราจะไม่ถูกส่งไปอยู่ใน junk mail

ตัวอย่างผู้ให้บริการได้แก่
Aweber Autoresponder
iContact Autoresponder
Get Response
Infusion Soft
Auto Response Plus
MailiGen Autoresponder
Traffic wave Autoresponder
Vertical Response
Office Autopilot
Mail Machine Pro
EZ-Response Autoresponder
Conclusions

โดยผู้ให้บริการเหล่านี้จะมีการเรียกเก็บค่าบริการเป็นส่วนใหญ่  โดยจะเก็บตามจำนวนอีเมลลิสของเราที่จะส่งไป เช่นจะสามารถส่งอีเมลได้ 500 รายชื่อ ถ้าหากต้องการให้ส่งไปยังรายชื่อเมลได้มากขึ้นก็ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น เป็นต้น

Saturday, September 8, 2012

มารู้จักอีคอมเมิร์ซ


การพานิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า อีคอมเมิร์ซ คือการทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่น อินเตอร์เน็ตที่มีตลาดการค้าออนไลน์อยู่มากมายมหาศาล ซึ่งต่างจากตลาดแบบดั้งเดิมที่ผู้ซื้อขายต้องมาเจอหน้ากันเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ แต่ตลาดออนไลน์ผู้ซื้อและผู้ขายอาจจะไม่จำเป็นต้องเห็นหน้ากัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างอยู่คนละมุมของโลกก็สามารถซื้อขายกันได้ ในปัจจุบันการเติบโตในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์กำลังเติบโตขึ้นอย่างมากเนื่องจากเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่พัฒนาขึ้นทำให้สะดวกรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่จะอาศัยช่องทางการส่งเสริมการตลาดบนโลกออนไลน์นำมาเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจของตน

ข้อดี

  • ต้นทุนในการประกอบธุรกิจต่ำเนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน โดยอาศัยเวบไซต์เป็นหน้าร้านเสมือนในโลกอินเตอร์เน็ต
  • สามารถประกอบธุรกิจได้ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องปิดร้านในตอนหัวค่ำแบบร้านค้าทั่วไป
  • การติดต่อสื่อสารที่สะดวกรวดเร็ว สามารถโต้ตอบกันได้ทันที
  • ลดต้นทุนการเดินทางไปซื้อสินค้า ผู้ซื้อสินค้าสามารถสั่งสินค้าจากที่บ้านได้เลย

ข้อเสีย

  • ผู้ซื้อและผู้ขายอาจจะมีความเสี่ยงเนื่องจากไม่เห็นหน้าซึ่งกันและกัน อาจจะมีมิจฉาชีพแฝงตัวมา
  • ความเสี่ยงจากการจารกรรมข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์ (Hack) เนื่องจากต้องมีการธุรกรรมทางระบบออนไลน์
  • ผู้ซื้อและผู้ขายต้องมีความรู้พื้นฐานทางเทคโนโลยีในระดับหนึ่งถึงจะติดต่อกันได้
  • ผู้ซื้อสินค้าไม่เห็นสินค้าจริง มีโอกาสเห็นจากรูปถ่ายเท่านั้นจึงเป็นความเสี่ยงของผู้ซื้อเนื่องจากสินค้าบางอย่างจำเป็นต้องลองใช้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า  

Saturday, September 1, 2012

ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) 101


ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) คืออะไร
ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง คือการทำการตลาดโดยใช้สื่อดิจิตอลหรือสื่อออนไลน์ดึงดูดให้ผู้ซื้อหรือผู้รับสารกระทำตามที่เป้าหมายทางการตลาดที่วางไว้ ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการและกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยที่ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งยังสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทจะขอยกตัวอย่างเป็นบางประเภทที่สำคัญๆ

1.SEM หรือ Search Engine Marketing คือ การทำการตลาดโดยผ่านช่องทางในเวบไซต์สำหรับค้นหาหรือเซิรชเอ็นจิ้น อย่าง Google Bing  Yahoo โดยยังสามารถแบ่งเป็น การทำอันดับในหน้าค้นของการเซิร์ชเอ็นจิ้นหรือ เรียกว่า การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization  และการจ่ายเงินเพื่อให้แสดงโฆษณาในหน้าค้นหา โดยโฆษณาที่แสดงจะสัมพันธ์กับ keyword ที่ค้นหา

2.E-Mail Marketing เป็นการทำการตลาดที่มีตั้งแต่ดั้งเดิม และยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน โดยผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ส่งไปยังเครือข่ายของตัวเองซึ่งสามารถทำเพื่อกระตุ้นยอดขายและทำเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) โดยมีทั้งที่เราส่งจดหมายเอง ไปยังผู้รับ หรือการใช้บริการผ่านทางผู้ให้บริการอีเมลอัตโนมัติ ซึ่งอีเมลจะถูกส่งตามวันเวลาที่กำหนดไว้เช่น ถ้าหากต้องการสื่อสารแก่กลุ่มเป้าหมายในช่วงเทศกาลก็สามารถกำหนดให้ส่งในวันเวลาที่กำหนดได้

3.Social Media Marketing คือการทำการตลาดผ่านช่องทาง Social Media ซึ่งช่องทางนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เช่น Facebook Twitter และ Instragram โดยให้ผู้ที่สนใจติดตามยังหน้าเพจของตัวเองเพื่อสร้างความสัมพันธ์ (Engagement) กับลูกค้า เมื่อต้องการที่จะสื่อสารไปยังคนจำนวนมากขึ้นสามารถซื้อโฆษณากับ Socail Media นั้นๆ เพื่อวางโฆษณา โดยมีแบบโฆษณาเป็นจำนวนครั้งที่แสดงผล (CPM) และโฆษณาแบบคิดตามจำนวนคนที่กดดู (CPC) โดยที่เราสามารถเลือกโฆษณาตามลักษณะทางประชากร (Demographic) เช่น เพศ อายุ ระดับการศึกษา ความสนใจ ช่องทางนี้จึงเป็นช่องทางที่สามารถสื่อสารไปยังผู้ชมได้อย่างตรงเป้าหมาย

4.Seeding คือการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมโดยการเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับแบรนด์สินค้านั้น โดยจะไม่เล่าเรื่องราวกับแบรนด์สินค้านั้นตรงๆ เช่น การเขียนเล่าเหตุการณ์ต่างๆ โดยนำสินค้านั้นไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย โดยผู้อ่านจะซึมซับเอาแบรนด์สินค้านั้นผ่านเรื่องราวที่นักเขียนโดยไม่รู้ตัวทีละน้อยๆ เหมือนกับการเพาะเมล็ดพันธ์ (Seeding) ที่ต้องมีการหมั่นรดน้ำทุกวันนั่นเอง

การที่เราจะเลือกเครื่องมือในไหนการทำดิจิตัลมาร์เก็ตติ้งนั้นควรจะเลือกเครื่องมือที่เหมาะกับเป้าหมายทางการตลาดของคุณ การเลือกเครื่องมือผิดอาจจะทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แถมยังเสียเวลานั่นเอง